fixedbackground askmon.exe systray.exe ใน windows ที่ load ตอน startup Window98 Boot ไม่ได้ com. port ให้ modem ไม่เจอ HD HOTSWAP
เสียงดังจาก Harddisk set bios ของโน๊ดบุ๊ก compaq เขียน perl ให้คล้ายกับ web browser windows2000 multilanguage  อยากให้ win98 boot มาเป็น dos mode

fixedbackground

ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าแบบคุณ Jiggie ภาพ BG จะยังซ้ำอยู่นะครับ และ attribute bgproperties ของ TAG BODY ใช้ได้แต่ในIE การทำแบบนี้ ต้องใช้ cascade style sheet โดย เอา tag นี้แทรกระหวาง .. ตรง background-attachment: fixed เป็นการบอกให้ image อยู่นิ่งเมื่อ scroll ถ้าต้องการให้ scroll ใช้ background-attachment: scroll แถมTIP วิธีทำ backgrond แบบนี้หลายๆหน้าก็ ใช้ การ LINK เรียก stylesheet เอา โดยแยก ข้อความใน เก็บไว้ที่ เดียวกับ ไฟล์ html แล้วตั้งชื่อ background.css ส่วนใน ไฟล? html ก็ แทรก ไว้ระหว่าง .. ข้อดีของ css มีอีกมากนะครับโดยเฉพาะคนที่ทำ web ใหญ่ๆ ถ้าต้องการเปลี่ยน font หรือ attribute อื่นๆ ให้เหมือนกันทุก page โดยแก้ไขที่ไฟล์ css เพียงไฟล์เดียว

กลับขึ้นไปด้านบน

askmon.exe , systray.exe ใน windows ที่ load ตอน startup

taskmon.exe ไว้ตรวจสอบการใช้งานของโปรแกรมต่างๆในเครื่อง เพือดูว่าเราใช้งานบ่อยแค่ไหน จะช่วยเวลา defrag ฮารด์ดิสต์ ทำให้เครื่องมีประสิทธิภาพขึ้น systray.exe คือตัวที่อยู่มุมล่างขวาของจอนั้นแหละครับ

กลับขึ้นไปด้านบน

Window98 Boot ไม่ได้

คือเครื่อง com อีกเครื่องที่ลง Win 98 ไว้มัน Boot ไม่ได้ครับ พอผมใช้แผ่น BootDisk บู๊ตเข้ามา แล้วพิมพ์ win ที่ c:\windows แล้วมันก็ขึ้นเกี่ยวกับว่า Missing HIMEM.SYS แล้วบอกให้ check ว่ามี File นี้อยู่ใน Window Directory รึเปล่าทั้งๆที่มันก็อยู่ใน Directory ของ Windows 98 ครับ ตอนแรกผมนึกว่า file นี้เสียก็เลย copy himem.sys ของอีกเครื่องนึงมาทับ file เก่า ปรากฎว่าเหมือนเดิมอีก ตอนนี้ก็เลยไม่รู้ว่าจะแก้อย่างไรดีครับ ถ้าใครทราบหรือพอมีทางแก้ก็ช่วยหน่อยนะครับ...

ความคิดเห็นที่ 1 ลองใช้คำสั่ง Fdisk /mbr จากแผ่นบุทของคุณดูนะ จากคุณ : น้ำ - [13 ม.ค. 2543 23:53:55] ความคิดเห็นที่ 2 สร้าง File msdos.sys ที่ root ของ Host Drive ( ส่วนมากเป็น C:) ในไฟล์มีข้อความดังต่อไปนี้ [Paths] WinDir=C:\WINDOWS WinBootDir=C:\WINDOWS HostWinBootDrv=C [Options] BootMulti=1 BootGUI=1 DoubleBuffer=0 AutoScan=1 เสร็จแล้วก็สั่ง attrib +a +s +h +r msdos.sys แล้วก็ลอง Boot ดูใหม่นะครับ สงสัยว่ามีใครไปลบไฟล์นี้ทิ้งไป

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าแก้ปัญหาด้านโปรแกรมไม่สำเร็จ ลองตรวจสอบแรมดูบ้างก็ได้ ผมเคยเจอ แรม error อาการก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน จากคุณ : rangsan - [14 ม.ค. 2543 09:42:08] ความคิดเห็นที่ 4 คุณ Maxmue ครับ พอจะ Edit Msdos.sys แล้วเครื่องมันก็บอกว่า msdos.sys เป็น file Read-only ครับ จะแก้,copy ทับก็ไม่ได้ ทำไงดีครับ?

ความคิดเห็นที่ 5 ที่ Root ของ Drive C: พิมพ์คำสั่ง ATTRIB MSDOS.SYS -H -S -R ชอตอบแทนคุณ MAXMUE นะครับ

กลับขึ้นไปด้านบน

com. port ให้ modem ไม่เจอ

ตามกระทู้น่ะครับ..ขอบคุณล่วงหน้าครับ จากคุณ : oil [9 ม.ค. 2543 - 16:23:37] -------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 1 MODEM ======= โมเด็มมาจากคำสองคำครับ MO ย่อมาจาก Modulate เป็นการเปลี่ยนจาก Analog เป็นสัญญาณ สัญญาณดิจิตอล คอมพิวเตอร์ DEM ย่อมาจาก Demodulate เป็นการเปลี่ยนจากสัญญาณดิจิตอล คอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณ Analog กลับกันครับเอามารวมกันเลยเรียกเป็น Modem สัญญาณจากคอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณ Digital มีแค่ 0 กับ 1 เท่านั้น เมื่อเปลี่ยนมาเป็นสัญญาณอนาลอกอยู่ในรูปที่คล้ายกับสัญญาณไฟฟ้าของโทรศัพท์ จึงส่งไปทางสายโทรศัพท์ได้ครับ มาตรฐานของความเร็วของสายโทรศัพท์มีมาตรฐานอยู่มากครับ สำหรับความไวของโมเด็มที่ความไว 28.8 Kb. และ 33.6 Kb. นี่ไม่ค่อยมีปัญหาในการใช้เพราะมีมาตรฐานเดียวกัน แต่โมเด็มความไวขนาด 28.8 Kb. ตอนนี้ไม่ค่อยมีใครใช้แล้วเนื่องจากมีความไวต่ำ สำหรับความไวที่ 33.6 Kb. นั้นยังคงมีผลิต และจำหน่ายเนื่องจากยังมีผู้ใช้กันอยู่ ** Kb. นี่ย่อมาจากคำว่า Kilobit ครับ สังเกตตรงตัว b ซึ่งเป็นตัวเล็กจะอ่านเป็น bit หากเขียนตัวใหญ่เช่นค่าความจุของฮาร์ดดิสก์จะเรียกป็น Kilobyte และเขียนเป็น KB. หรือ MB. เช่น Harddisk 540 MB. ฮาร์ดดิสก์มีความจุ 540 เมกกะไบต์ สำหรับปัจจุบันนี้ความไวของโมเด็มจะสูงขึ้นที่ 56 Kb. ตอนแรกมีมาตรฐานออกมา 2 อย่างคือ X2 และ K56Flex ออกมาเพื่อแย่งชิงมาตรฐานกันทำให้สับสนในการใช้งาน ต่อมามาตรฐานสากล ได้กำหนดออกมาเป็น V.90 เป็นการยุติความไม่แน่นอนของการใช้งาน โมเด็มบางตัวสามารถ อัพเดทเป็น V.90 ได้ แต่บางตัวก็ไม่สามารถทำได้ อันนี้ตอนซื้อควรกำหนดให้เป็นมาตรฐาน V.90 เลย จะได้ไม่มีปัญหา สำหรับโมเด็มปัจจุบันนี้ยังมีความสามารถในการรับส่ง Fax ด้วย ความไวในการส่ง Fax จะอยู่ที่ 14.4 Kb. เท่านั้น หากดูตามรูปร่างการใช้งานก็จะแบ่งออกได้เป็น 3 อย่างคือ Internal, External และ PCMCIA ข้อดีและเสียก็มีต่างกันครับ อันนี้จะไม่เอา PCMCIA มาเกี่ยวเนื่องจากจะนำไปใช้กับพวก Notebook Internal Modem เป็นโมเด็มที่มีลักษณะเป็นการ์ดเสียบกับสล็อตของเครื่องอาจจะเป็นแบบ ISA หรือ PCI ข้อดีก็คือ ไม่เปลืองเนื้อที่ ไม่เกะกะ ราคาถูก ไม่ต้องใช้ไฟเลี้ยงต่างหาก เปิดเครื่องใช้งานได้ทันที เนื่องจากติดตั้งอยู่ในเครื่องแล้ว ไม่มีปัญหากับเครื่องคอมรุ่นเก่าที่มีชิพ UART ที่มีความไวต่ำ เพราะการทำงานไม่ผ่าน serial port ที่สำคัญคือส่งถ่ายข้อมูลได้สูงกว่าแบบที่อยู่ภายนอก ข้อเสียคือ ติดตั้งยากกว่าแบบภายนอก เนื่องจากติดตั้งภายในเครื่องทำให้ใช้ไฟในเครื่องอันส่ง ผลให้เพิ่มความร้อนในเครื่อง เสียสล็อตของเครื่องไปหนึ่งสล็อต เคลื่อนย้ายไปใช้เครื่องอื่นได้ยาก ติดตั้งได้เฉพาะเครื่องคอมแบบ PC เท่านั้นไม่สามารถใช้งานกับ NoteBook ได้ External Modem เป็นโมเด็มที่ติดตั้งภายนอกโดยจะต่อกับ Serial Port อาจจะเป็นที่ Com1 หรือ Com2 บางครั้งนาน ๆ เจอก็ติดที่ Pararel port ก็มีบ้าง(ยังไม่เคยเจอเลย) ข้อดีคือ สามารถเคลื่อนย้ายไปใช้กับเครื่องอื่นได้ง่าย ติดตั้งได้ง่ายกว่า ไม่เพิ่มความร้อนให้ กับเครื่องคอมพิวเตอร์เนื่องจากติดตั้งอยู่ภายนอกและใช้แหล่งจ่ายไฟภายนอก สามารถใช้ งานกับเครื่อง NoteBook ได้เนื่องจากต่อกับ Serial Port หรือ Parallel Port มีไฟแสดง สภาวะการทำงานของโมเดม ข้อเสียอย่างแรกเลยคือมีราคาแพง เกะกะ เกิดปัญหาจากสายต่อได้ง่าย เสียพอร์ต Serial หรือ Parallel Port ไปหนึ่งอัน หากใช้กับคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าจะทำให้ได้ความไวต่ำเนื่องจากชิพ UART ของเครื่องรุ่นเก่ามีความไวต่ำ ในการเลือกใช้จึงต้องดูหลายประการเช่น ทุนทรัพย์ ความสะดวกในการใช้งาน คอมพิวเตอร์ เป็นรุ่นเก่าก็ควรใช้แบบ Internal และหากมีแต่ Slot ISA ก็ต้องเลือกแบบ ISA Internal หากต้องการเคลื่อนย้ายไปใช้กับเครื่องอื่นอยู่เรื่อยก็ต้องใช้แบบภายนอก อีกอย่างก็เป็น ความชอบก็มีส่วนอยู่ด้วยครับ หากให้สะดวกก็ควรเป็นแบบ Internal ครับจะได้ความไวที่ โดยมากจะสูงกว่าแบบภายนอก แต่หากมีปัญหาทุนทรัพย์ก็คงต้องเลือกแบบ Internal อีก แหละก็มีปัจจัยหลายอย่างในการเลือกใช้ครับ แต่ก็ต้องดูด้วยว่า ISP ที่คุณใช้นั้นรองรับ มาตรฐานแบบไหนแต่ที่แน่นอนก็ต้องเลือกให้มีมาตรฐาน V.90 ครับ แต่สำหรับคนนอกกรุง นี่ก็จะได้ความไวเพียง 33.6 Kb. ครับ ยังไม่ได้ข่าว ISP นอกกรุงที่ support V.90 เลยครับ อาจจะมีที่เมืองใหญ่ ก็ได้ผู้ใดทราบก็บอกด้วยครับ *** และข้อเสียของโมเดมรุ่นใหม่ ๆ ที่มีราคาถูกที่เป็น Internal PCI คือผู้ผลิดเขาจะตัดชิพที่ ทำหน้าที่ตรวจสอบความผิดพลาดแก้ไขของสัญญาณรบกวน(Error Correction) ที่มีมาก ในสายโทรศัพท์ในบางที่แล้วไปใช้ความสามารถของซีพียูมาทำหน้าที่นี้แทน ทำให้เกิดการใช้ งานซีพียูเพิ่มมากขึ้นทำให้ความไวของเครื่องลดลง หรือสัญญาณโทรศัพท์อาจตัดหรือ เรียกว่าสายหลุดได้ง่ายตรงนี้ควรนำมาพิจารณาเป็นพิเศษด้วยครับ *** WinModem จากที่เรียบเรียงมานี่จะได้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกซื้อโมเด็มว่าจะใช้แบบ Internal หรือ External ดีและเป็นคำตอบที่ว่า การใช้โมเด็มบางตัวทำไมทำ เหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง หรือว่าทำไมสายหลุดง่ายจังเลย ส่วนการเลือกซื้อนั้นยังมีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้องด้วยเช่น ยี่ห้อ ระยะเวลา การรับประกัน ความรับผิดชอบของตัวแทนจำหน่าย การอัพเดทไดรเวอร์ ประวัติความคงทน และความสามารถพิเศษอื่น ๆ เป็นต้นครับ 25-April-1999 

ข้อมูลเพิ่มเติมจากของเก่า การเลือกซื้อโมเด็มควารเป็นโมเด็มที่มีความไว 56 K และต้องสนับสนุนมาตรฐาน V.90 นอกจากดูความเร็ว แล้ว ยังต้องดูอัตราความเร็ว Throughputs ด้วย โดย แบบเดิมโดยมากทำได้ 115,200 bit/s แต่ในปัจจุบัน จะทำได้ถึง 223,400 bit/s ทำใประหยัดเวลาในการใช้ งานอินเตอร์เน็ตและช่วยให้ดาวน์โหลดไฟล์ได้เร็วขึ้น อีก ทั้งเป็นการประหยัดค่าอินเตอร์เน็ตด้วย สำหรับคุณสมบัติ ที่ควรมีของโมเด็มคือ DSVD ที่ทำให้โมเด็มสามารถส่งผ่าน ข้อมูล Voice และ Data ได้ในขณะเดียวกันได้โดยความ เร็วไม่ลดลง และดูสิ่งที่ให้มาด้วยเช่น ซ็อฟท์แวร์ต่าง ๆ รวมทั้งดูว่าสามารถใช้อ่านอื่น ๆ ได้เช่น Fax, Voice, Mail และ Call ID เป็นต้น 22-January-1999 =============== 

 ความรู้จากประสบการณ์ในการติดตั้ง Internal Modem  การติด Internal Modem จะมี 3 อย่างนะครับ อย่างแรกเลยนี่เวลาติดตั้งนี่จะเรียกหาไดรเวอร์ทันที เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วจะได้ comport ที่โมเดมใช้และ ก็ใช้โมเดมได้เลย อย่างสองนี่ต้อง Add comport ก่อนโดย add new hardware แล้วไปเลือกเพิ่มคอมพอร์ตจากในวินโดว์ เลยเมื่อได้คอมพอร์ตแล้ว รีสตาร์ทวินโดว์ใหม่เมื่อเข้า วินโดว์แล้วก็แอดโมเดมโดยใช้ไดรเวอร์โมเดม เมื่อถาม หาคอมพอร์ทให้โมเดมคุณก็เลือกคอมพอร์ตที่แอดเข้ามา อาจเป็น com-3 หรือ com-4 อย่างสามนี่ต้อง Add comport ก่อนโดย add คอม พอร์ตจากไดรเวอร์ของโมเดม เมื่อได้พอร์ตจากไดรเวอร์ ของโมเดมแล้ว รีสตาร์ทวินโดว์ใหม่เมื่อเข้าวินโดว์ แล้วก็แอดโมเดมโดยใช้ไดรเวอร์โมเดม เมื่อถามหา คอมพอร์ทให้โมเดมคุณก็เลือกคอมพอร์ตที่แอดเข้ามา อาจเป็น com-3 หรือ com-4 คุณเข้าไปตรวจเช็คการตอบสนองของโมเดมได้จาก แท็ป more info ของ properties ของโมเดมครับ ในบางครั้งทรัพยากรของเครื่องไม่พอนี่เราอาจต้องไป disable serial port 2 เพื่อให้มีทรัพยากรว่างพอที่จะ ติดตั้งตัว com port สำหรับให้โมเดมได้ใช้ครับ ส่วน เมื่อติดตั้งแล้วพอร์ตที่โมเดมใช้อาจเป็น 2,3 หรือ 4 นี่ก็แล้วแต่การจัดสรรทรัพยากรครับ 23 July 1999 =============== Noko@ksc.th.com =============== เพิ่มเติมเรื่องการเพิ่มพอร์ตให้โมเดม มาดูการเพิ่มพอร์ตที่สองของอย่างที่สองและสามครับ ==================================== การเพิ่มพอร์ตอย่างที่สองนี่ให้เข้า Control Panel แล้วเลือกAdd New Hardware ไปเลือกเพิ่ม Port(Com & LPT) โดยเลือก Standard Port+ Comunications Port จะได้พอร์ตเพิ่มขึ้นมาอีก 1 port ต่อมาเวลา Add New Hardware ให้เลือกโมเดมโดยใช้ Have Disk แล้วไปหาไดรเวอร์ที่ซีดีหรือแผ่นดิสก์ไดรเวอร์ของโมเดม ถึงตอนที่ให้เลือกพอร์ต ให้กับโมเดมก็ไปใช้พอร์ตที่เราเพิ่มเข้าไปข้างต้น การ Add New Hardware ที่เป็นพอร์ตนั้นให้ไปเลือกเองนะ ไม่ต้องให้วินโดว์หาเมื่อได้พอร์ตมานั้นจะรีสตาร์ทครั้งหนึ่งครับ จึงได้คอมพอร์ตขึ้นมา ซึ่งคอมพอร์ตนี้จะเป็นตัวให้ โมเดมใช้เมื่อเพิ่มโมเดมโดยการแอดโมเดมเข้าไปมาดูอย่างที่สามนะครับ อย่างที่สามนี่ให้เข้า Control Panel แล้ว เลือก Add New Hardware ไปเลือกเพิ่ม Port(Com & LPT) โดยเลือก Have Disk แล้ววิ่งไปที่ไดรเวอร์ของโมเดม หากใช่ที่จะเพิ่ม พอร์ตโดยใช้ไดรเวอร์โมเดม ก็จะมีพอร์ตของโมเดมให้เลือก หากต้องเพิ่มพอร์ตแบบอย่างที่สองนะ จะไม่มีพอร์ตให้เลือกจาก ไดรเวอร์โมเดม ต้องใช้วิธีอย่างที่สองจะได้พอร์ตเพิ่มขึ้นมาอีก 1 port ต่อมาเวลา Add New Hardware ให้เลือกโมเดมโดยใช้ Have Disk แล้วไปหาไดรเวอร์ที่ซีดีหรือแผ่นดิสก์ไดรเวอร์ของโมเดม ถึงตอนที่ให้เลือกพอร์ตให้กับโมเดมก็ไปใช้พอร์ตที่เรา เพิ่มเข้าไปข้างต้น การ Add New Hardware ที่เป็นพอร์ตนั้นให้ไปเลือกเองนะไม่ต้องให้วินโดว์หา เมื่อได้พอร์ตมานั้นจะ รีสตาร์ทครั้งหนึ่งครับ จึงได้คอมพอร์ตขึ้นมาซึ่งคอมพอร์ตนี้จะเป็นตัวให้โมเดมใช้เมื่อเพิ่มโมเดมโดยการแอดโมเดมเข้าไป หากเป็นอย่างแรก ============ ทั้งนี้หากเราติดตั้งโมเดมภายในเข้าไปแล้วรีสตาร์ทวินโดว์แล้ว วินโดว์ดีเทคเจอโมเดมก็ให้ไปใช้ไดรเวอร์ของโมเดมได้เลยครับ กรณีนี้ไดรเวอร์ของโมเดมจะไปสร้างพอร์ตเพิ่มขึ้นมาให้โมเดม ใช้ได้เองเลยครับ 30-August-1999 == attrib d:\msdos.sys -s -h -r xcopy c: d: /s /e /v /c /h attrib d:\msdos.sys +s +h +r && c: = 1.2 d: = 4.3

กลับขึ้นไปด้านบน

HOTSWAP

ต้องใช้ HD รุ่นพิเศษหรือไม่ ต้องเซตอะไรบ้างครั

ตอบ ต้องเป็นแบบ hot swap มาจากโรงงานครับ ธรรมดาทำไม่ได้

ตอบ เท่าที่เคยได้ยินมานะครับ ต้องมีการ์ด controller ที่เป็น hot swap ต้องมี rack ที่เป็น hot swap และต้องใช้ OS ที่รองรับ hot swap

ตอบ ผมใช้ HP อยู่ ขอเพิ่มเติมจากข้างบนครับ ปกติเครื่องของ HP จะไม่มี DRIVE A และ CD-ROM DRIVE อยู่ร่วมกัน แต่เวลาใช้งานจะใช้ช่องเดียวกัน ดังนั้นการสับเปลี่ยน DRIVE ในระหว่างการใช้งาน อาจทำให้เครื่อง DETECT ผิดพลาด และไม่ยอมอ่านแผ่นหรือแสดง DRIVE ที่ถูกต้อง ทาง HP จึงได้สร้างโปรแกรม HOT SWAP หรือ AGATE TIOMAN มาใช้ในการควบคุมการสับเปลี่ยน DRIVE โดยเมื่อ INSTALL แล้ว จะสร้างเป็นไอคอนไว้ทางด้านล่างขวาของจอ ก่อนจะเปลี่ยน DRIVE ให้คลิกที่ไอคอนนั้นแล้วดึง DRIVE เดิมออก ตามด้วยการเสียบ DRIVE ใหม่เข้าไป เครื่องจะ DETECT เอง จากนั้น คลิก OK ก็เรียบร้อยครับ โปรแกรมดังกล่าวถูกสร้างมาเพื่อใช้กับ NOTEBOOK ของ HP โดยเฉพาะ แต่การใช้งานผมว่าสู้ พวกที่ BUILD รวมกันมาในเครื่องเดียวไม่ได้ รู้สึกรำคาญเวลาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ถ้าเกิดต้องล้าง HARD DISK และลงใหม่ ต้องตั้งให้เครื่องบูตจาก DRIVE CD-ROM ด้วย ตัวโปรแกรม AGATE มีหลาย VERSION และก็ไม่่ใช่ว่าจะทำงานได้กับทุกรุ่น โดยเฉพาะใน WIN95 อาจ ERROR และทำให้เครื่อง HANG ได้กับบาง VERSION

กลับขึ้นไปด้านบน

เสียงดังจาก Harddisk มาจากอะไร

รวมทั้งเวลาปิดเครื่องด้วยจะมีเสียงดังกึกเนี่ยมาจากไหน ถ้าดังมาก จะทำให้ HD แบดหรือป่าว หรือว่าเกิดจากอะไรความคิดเห็นที่ 1 ฮาร์ดดิสก์...คลังข้อมูลหลักของคอมพิวเตอร์ แม้ว่าฮาร์ดดิสก์จะดูทนทานและแข็งแรงกว่าแผ่นดิสก์เก็ตทั่วๆ ไปที่เราใช้กัน แต่ข้อเสียของมันก็คือ เมื่อใดที่มันมีปัญหาเกิดขึ้น คุณไม่สามารถโยนมันทิ้งไปเหมือนกับดิสก์เก็ตราคาถูกๆ ได้ เสียงดังครืดๆ หรืออาการสั่นแบบผิดปกติเป็นลางบอกเหตุให้คุณเตรียมระวังฮาร์ดดิสก์ของคุณให้ดี อาการเหล่านี้อาจเกิดจากการที่หัวอ่านข้อมูลไปครูดกับแผ่นจานข้อมูล หรือตัวรับแรงหมุนของแผ่นจานนั้นทำงานผิดพลาด ซึ่งหากเป็นกรณีหลัง ข้อมูลของคุณบนฮาร์ดดิสก์นั้นพร้อมที่จะสูญหายไปได้ทุกเมื่อ มีบางครั้งคุณอาจจะรู้สึกว่าฮาร์ดดิสก์ของคุณทำงานช้าผิดปกติ ซึ่งนั้นอาจเกิดจากแคชที่มีมากเกินไปบนฮาร์ดดิสก์ การเรียกใช้สวอปไฟล์จากหน่วยความจำ Swap หรือโปรแกรมอื่นๆ กำลังใช้งานฮาร์ดดิสก์อยู่ แต่หากเกิดอาการช้าแบบที่หาสาเหตุไม่ได้บ่อยๆ นั่นหมายถึงว่า ฮาร์ดดิสก์ของคุณกำลังพยายามออโตเมติก-รีทราย คือ พยายามอ่านข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์ซ้ำเรื่อยๆ เนื่องจากมีความผิดปกติบนแผ่นจานเก็บข้อมูล ปัญหาเหล่านี้อาจเกิดจากตำแหน่งหัวอ่านที่ผิดไป วงจรในไดรฟ์เสีย สายเคเบิลหลวม ฯลฯ นอกจากกระบวนการออโตเมติก-รีทรายที่ฮาร์ดดิสก์ใช้ในการพยายามกู้ข้อมูลที่อ่านไม่ได้แล้ว มันยังใช้ ECC (Error Correction Codes) ซึ่งเป็นชั้นข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์ที่ทำหน้าที่สร้างข้อมูลที่สูญหายไปขึ้นมาใหม่ในกรณีที่ฮาร์ดดิสก์ไม่สามารถอ่านข้อมูลได้ตามปกติ โดยโค้ด ECC เหล่านี้จะเขียนข้อมูลทับลงบนบิตที่เสียเพื่อให้คุณใช้งานข้อมูลส่วนที่เหลือได้ ไม่ดีอยู่อย่างหนึ่งตรงที่ว่า ฮาร์ดดิสก์ของคุณไม่สามารถส่งสัญญาณเตือนคุณได้ว่า ขณะนี้มีส่วนผิดพลาดบนฮาร์ดดิสก์และมันกำลังพยายามซ่อมแซมตัวมันเอง คุณจะรู้อีกทีหนึ่งก็ตอนที่อาการเริ่มร้ายแรงจนมันไม่สามารถซ่อมตัวมันเองได้ คุณจึงจะเห็นข้อความประเภท "Data error on drive C:" ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้น คุณก็ต้องสูญเสียข้อมูลของคุณไปจริงๆ แล้ว แต่หากคุณสแกนดิสก์ด้วยโปรแกรม ScanDisk บ่อยๆ ปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะโปรแกรมนี้จะช่วยย้ายข้อมูลบนเซ็กเตอร์ที่เสียไปไว้ยังส่วนอื่นๆ บนฮาร์ดดิสก์แล้วตีตราเซ็กเตอร์ที่เสียนั้นไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกนำมาใช้อีกต่อไป แต่ข้อเสียของมันก็คือ มันไม่ได้ปิดกระบวนการออโตเมติก-รีทรายและ ECC ของฮาร์ดดิสก์ ดังนั้นเซ็กเตอร์ที่เสียแต่ยังสามารถอ่านได้บ้างบางส่วนจะไม่ถูกรายงานออกมา นอกจากนี้โปรแกรม ScanDisk ยังไม่มีการจำลองสถานการณ์ให้ฮาร์ดดิสก์ทำงานหนักๆ ดังนั้นเซ็กเตอร์ที่ใกล้จะเสีย แต่ยังไม่เสียจึงสามารถหลุดรอดจากการตรวจสอบนี้ไปได้ แต่โปรแกรมอย่าง SpinRite จากกิ๊บสันรีเสิร์ช (http://www.grc.com/) นั้น มีอะไรหลายๆ อย่างที่ขาดหายไปจากโปรแกรม ScanDisk ของไมโครซอฟท์ มันสามารถกู้ข้อมูลที่แม้แต่ออโตเมติก-รีทรายหรือ ECC ไม่สามารถกู้ได้ SpinRite จะเริ่มจากการเก็บข้อมูลที่สำคัญๆ เกี่ยวกับฮาร์ดดิสก์ของคุณ จากนั้นมันก็จะปิดกระบวนการออโตเมติก-รีทรายและ ECC ของฮาร์ดดิสก์ทิ้ง เพื่อให้จุดที่เสียบนฮาร์ดดิสก์ถูกเปิดเผยออกมาทั้งหมด แล้วอ่านและเขียนเพื่อทดสอบฮาร์ดดิสก์อย่างหนักเพื่อให้ส่วนที่ใกล้จะเสียถูกแสดงออกมา ในฮาร์ดดิสก์รุ่นใหม่ๆ นั้น จะมีตัวเข้ารหัสและถอดรหัส RLL (Run Length Limited) ติดตั้งอยู่ด้วย โดยตัวเข้ารหัส RLL จะบีบอัดข้อมูลก่อนที่จะบันทึกลงบนฮาร์ดดิสก์ ส่วนตัวถอดรหัส RLL นั้น จะทำหน้าที่คลายข้อมูลออกมาเมื่อข้อมูลนั้นๆ ถูกเรียกใช้งาน โปรแกรม SpinRite จะทดสอบทั้งตัวเข้ารหัสและถอดรหัส RLL ของฮาร์ดดิสก์อย่างหนักถึง 5 ครั้ง ซึ่งหากมีเซ็กเตอร์ใดเสียระหว่างการทดสอบนี้ SpinRite จะเปิดตัวออโตเมติก-รีทรายและ ECC อีกครั้งเพื่อย้ายข้อมูลที่เสียนั้นไปไว้ยังส่วนอื่น แต่หากกระบวนการดังกล่าวไม่สามารถกู้ข้อมูลได้ SpinRite จะใช้วิธีวิเคราะห์ทางสถิติที่เรียกว่า DynaStat โดย SpinRite จะอ่านเซ็กเตอร์ที่เสียนั้นเป็นร้อยๆ ครั้ง แล้วนำผลลัพธ์ที่ได้มาวิเคราะห์ทางสถิติเพื่อค้นหาค่าของข้อมูลในส่วนที่เสียไป จากนั้นมันก็จะสร้างส่วนที่เสียไปนั้นขึ้นมาใหม่แล้วนำไปเก็บไว้บนฮาร์ดดิสก์ส่วนอื่นๆ ไฟล์ซิสเต็ม...สารบัญของพีซี แม้ว่าไดรฟ์ของคุณจะดูแล้วเหมือนกับว่าทำงานเป็นปกติดีทุกอย่าง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะรอดพ้นไปจากปัญหาอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะทั้งบั๊กที่มีในซอฟต์แวร์ต่างๆ ไวรัสนานาชนิด หรือแม้กระทั่งเมื่อไฟตก ไฟดับ ไฟกระชาก ฯลฯ ล้วนก่อให้เกิดอันตรายกับระบบไฟล์ของคุณได้ทั้งสิ้น ไฟล์ซิสเต็มหรือระบบไฟล์ เป็นส่วนที่ซ่อนอยู่บนฮาร์ดดิสก์ซึ่งทำหน้าที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับไฟล์ ไดเรกทอรีและพื้นที่ว่างที่ไม่ถูกใช้งาน ระบบไฟล์บนวินโดวส์ 95 และ 98 เป็นระบบไฟล์เดียวกับที่ใช้บนดอส ซึ่งประกอบไปด้วย FAT (File Allocation Table) และไดเรกทอรีไฮราคี (Directory Hierachy) ไดเรกทอรีไฮราคีนั้น ทำหน้าที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับชื่อไฟล์ ขนาดและวันที่ของไฟล์แต่ละไฟล์ ฉะนั้นหากเกิดข้อผิดพลาดและข้อมูลเหล่านี้ถูกเขียนทับ ไฟล์ๆ นั้นอาจถูกลบทิ้งหรืออาจถูกเปลี่ยนชื่อ ซึ่งทำให้ไม่สามารถเรียกใช้งานได้อีกต่อไป หรือหากขนาดของไฟล์ถูกทำให้เปลี่ยนไป ข้อมูลต่างๆ อาจสูญหายไปด้วย แม้กระทั่งวันที่ที่เปลี่ยนไปอย่างผิดปกติ ก็ทำให้โปรแกรมแบ็กอัพข้อมูลหรือตัวติดตั้งโปรแกรมเกิดความสับสนในการทำงานได้เช่นกัน ส่วน FAT นั้น ทำหน้าที่เป็นตัวเก็บข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งของไฟล์แต่ละไฟล์ที่ถูกเก็บอยู่บนฮาร์ดดิสก์ FAT จะเป็นตัวชี้ตำแหน่งของไฟล์ต่างๆ รวามทั้งเป็นตัวบอกด้วยว่าพื้นที่ไหนที่ว่างอยู่และพื้นที่ไหนถูกจับจองไว้ใช้แล้ว ดังนั้นหาก FAT เกิดทำงานผิดพลาด ขนาดของไฟล์อาจถูกเปลี่ยนไป เนื้อที่ว่างบนดิสก์อาจสูญหายไป เซ็กเตอร์ที่เสียอาจถูกนำกลับมาใช้ใหม่ หรือไฟล์สองไฟล์อาจถูกกำหนดให้ใช้พื้นที่บนเซ็กเตอร์เดียวกัน เป็นต้น ปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบไฟล์เหล่านี้อาจก่อให้เกิดปัญหาใหญ่อื่นๆ ตามมากับเครื่องพีซีของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นการทับกันของข้อมูลหรือทำให้ข้อมูลสูญหายไป ฉะนั้นเพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ คุณควรจะตรวจสอบระบบไฟล์ของคุณบ่อยๆ ด้วย ScanDisk หรือไม่ก็ Norton Disk Doctor จากชุด Norton Utilities โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เครื่องของคุณเกิดแฮงก์ ไฟดับ ไฟกระชาก ฯลฯ เพราะนั่นจะช่วยให้คุณกำจัดปัญหาต่างๆ เหล่านี้ได้ทันท่วงที โปรแกรมทั้งสองดังกล่าวจะช่วยตรวจสอบตารางพาร์ทิชัน บูตเซ็กเตอร์ FAT และโครงสร้างไดเรกทอรีบนดิสก์ของคุณ โดยพวกมันจะซ่อมแซมระบบไฟล์ในส่วนที่เสียหายให้กับคุณ ซึ่งในบางครั้งอาจไม่สามารถแก้ไขได้ทั้งหมด โปรแกรมทั้งสองจะตรวจสอบไดรฟ์ที่คุณกำหนด โดยการอ่านและบันทึกข้อมูลลงไปบนฮาร์ดดิสก์ทีละเซ็กเตอร์จนครบ ซึ่งแม้ว่าวิธีนี้จะไม่ละเอียดเท่า SpinRite แต่มันก็ช่วยตรวจสอบดิสก์ของคุณได้ดีพอควรเลยทีเดียว วิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้น วิธีเหล่านี้เป็นวิธีเบื้องต้นที่ใช้ในการแก้ปัญหาที่เราพบอยู่บ่อยๆ บนเครื่องพีซีของคุณ ปัญหา : มีเสียงดังระหว่างการอ่านและเขียนข้อมูลสิ่งที่ต้องตรวจสอบ : ฮาร์ดดิสก์ โปรแกรมที่แนะนำ : SpinRiteปัญหา : เครื่องช้ามาก หรือหยุดทำงาน หรือมีข้อความแสดงความผิดพลาดเกี่ยวกับข้อมูล สิ่งที่ต้องตรวจสอบ : ฮาร์ดดิสก์โปรแกรมที่แนะนำ : SpinRite หรือ ScanDiskปัญหา : ระบบไฟล์เกิดการคอรัปต์ สิ่งที่ต้องตรวจสอบ : ระบบไฟล์โปรแกรมที่แนะนำ : Norton Disk Doctor หรือ ScanDisk เนื้อหาจาก ดูแลเครื่องพีซีของคุณให้ไร้ปัญหา, Windows Magazine ปีที่ 5 ฉบับที่ 60 : กรกฎาคม 2541 เรียบเรียงโดย nirun_web@hotmail.com, กุมภาพันธ์ 2543 จากคุณ : nirun_web@hotmail.com - [10 ก.พ. 2543 16:19:50] ความคิดเห็นที่ 2 เสียงดังจากฮาร์ดดิสก์นี่ตอนเปิดเครื่อง ปิดเครื่องและเสียงวีดตอนอ่านข้อมูลที่ฮาร์ดดิสก์หยุดหมุนนี่ปกติครับ ตอนอ่านข้อมูลอาจมีเสียง กอก กอก ติดกันยาว ๆ นี่ก็ปกตินะครับ เสียงวีดหรือหวีดตอนช่วงอ่านข้อมูลก็เป็นแพลตเตอร์ของฮาร์ดดิสก์หมุนนะ ส่วนเสียงเหมือนเคาะนั่นก็เป็นเสียงการเคลื่อนตัวของหัวอ่านครับ ที่ได้ยินนั้นคุณไม่ต้องกลัวครับ หากจะพังละก็จะเป็นเสียงคล้ายกับเสียงเหล็กขูด ๆ นะครับนี่แหละเป็นหัวอ่านของฮาร์ดดิสก์นั้นขูดกับแพลตเตอร์ครับนั่นเสียแน่นะครับ ส่วนที่คุณได้ยินนั้นหากยังปกติก็ไม่น่าเป็นห่วงครับ หากจะพัง ๆ ไปนานแล้วครับ

กลับขึ้นไปด้านบน

set bios ของโน๊ดบุ๊ก compaq /armada 7730t ยังไงครับ

ความคิดเห็นที่ 1 ไป DownLoad Soft Paq มาแล้วทำใส่แผ่น Disk ใช้เป็น แผ่น Boot ก็จะ Set Bios ได้ จากคุณ : NuyKung (NuyKung) - [10 ก.พ. 2543 15:29:17] ความคิดเห็นที่ 2 แล้วจะไปหา soft paq ที่ไหนครับ. คือว่า จะเอา เครื่องไปต่อออกโปรเจคเตอร์ แต่ว่าโปรเจคเตอร์ มันรุ่นเก่า รับแค่ 640*480 256สี พอเราเซ็ท จอโน๊ตบุกได้แล้ว ภาพที่โปรเจคเตอร์มันก็ยังกระพริบอยู่ เหมือนกับว่าอินเตอร์เฟรสที่จอ กับ รูที่ต่อออกโปรเจคเตอร์ มันคงละตัวกัน เซ็ทยังไงก็ไม่เปลี่ยน ก็เลยคิดว่า มันน่าจะมีให้เซ็ทที่ไบออสบ้าง และอนบูสเราเข้า dos เลย ไม่ได้เข้า window ภาพที่โปรเจคเตอร์มันก็กระพริบอยู่ ก็เลยยิ่งคิดว่า มันน่าจะอยู่ที่ไบออส หรือ ใครเคยพบปัญหานี้ ช่วยหน่อยครับ

กลับขึ้นไปด้านบน

เขียน perl ให้คล้ายกับ web browser

คือต้องการเขียน perl ให้ดึงเข้ามูล html ของ web นั้นๆ โดยใส่ url address เช่น ใส่ค่า www.pantip.com ในตัวแปรๆ หนึ่ง ค่าที่กลับมาก็จะได้ <html>title>...เป็นต้น ผมสามารถทำได้โดยการใช้ socket แต่ต้อง ใช้เป็นหมายเลข IP ของ web นั้นๆ ไม่สามารถใช้ url address ได้ ใครพอจะทราบวิธีรบกวนด้วยครับ เพราะมีปัญหากรณึที่เจ้าของ host เค้าไม่ให้ IP เราเช่นพวก free homepage เค้าจะใช้วิธี re-direct หรือ วิธีอื่นๆ ซึ่งเราไม่สามารถอ้างอิง web เราได้โดยตรงโดยใช้ IP

ความคิดเห็นที่ 1 try LWP package at www.perl.com If you use ActiveState Perl, you already have it. Read the help about LWP::Simple use LWP::Simple; unless (defined ($content = get $URL)) { die "could not get $URL\n"; } For more flexible solution, see help about LWP::UserAgent _______________________________________ ปรับปรุงใหม่ เร็ว เก่งกว่าเดิม เชิญค้นหากระทู้เก่าของ pantip, byxtreme, thairath, bangkokpost, nation และที่อื่นๆ ที่ www.atriumtech.com จากคุณ : webmaster@atriumtech.com - [31 ม.ค. 2543 14:31:56] ความคิดเห็นที่ 2 อิๆๆกำลังจะบอกให้ใช้ lwp:simple อยู่พอดี แต่คุณ webmaster ตอบไปแล้ว ผมมีคำถามมั่งง่ะ ถ้าต้องการมากกว่านี้ เช่น post form จะต้องทำยังไงครับ? --==NICK==-- จากคุณ : NICK - [31 ม.ค. 2543 21:30:21] ความคิดเห็นที่ 3 use LWP::UserAgent; use HTTP::Request::Common; my $ua = LWP::UserAgent->new; $ua->agent('Mozilla/4.0'); my $res = $ua->request(POST 'http://www.phonelink.net/cgi-bin/psnwp.pl.20M', [ Phone => '467567', Mesg => 'Hello', encode => 'spg.net' ] ); if($res->content =~ m/$success/) { print "Your message has been sent, and verified.\n"; } else { print $res->content ; print "Can\'t not verify message.\n"; } จากคุณ : Rainbows - [31 ม.ค. 2543 22:17:55] ความคิดเห็นที่ 4 Hi, Khun --==NICK==-- Are you the same --==NICK==-- from a long time ago? If so, I'm happy to see that you are still around :-) Someone sent me this a while ago: If you're submitting form values using the GET method, create a URL and encode the form using the query_form method: use LWP::Simple; use URI::URL; my $url = url('http://www.perl.com/cgi-bin/cpan_mod'); $url->query_form(module => 'DB_File', readme => 1); $content = get($url); If you're using the POST method, create your own user agent and encode the content appropriately: use HTTP::Request::Common qw(POST); use LWP::UserAgent; $ua = LWP::UserAgent->new(); my $req = POST 'http://www.perl.com/cgi-bin/cpan_mod', [ module => 'DB_File', readme => 1 ]; $content = $ua->request($req)->as_string; Discussion For simple operations, the procedural interface of the LWP::Simple module is sufficient. For fancier ones, the LWP::UserAgent module provides a virtual browser object, which you manipulate using method calls. The format of a query string is: field1=value1&field2=value2&field3=value3 In GET requests, this is encoded in the URL being requested: http://www.site.com/path/to/ script.cgi?field1=value1&field2=value2&field3=value3 Fields must still be properly escaped, so setting the arg form parameter to "this isn't &" would yield: http://www.site.com/path/to/ script.cgi?arg=%22this+isn%27t+%3CEASY%3E+%26+%3CFUN%3E%22 The query_form method called on a URL object correctly escapes the form values for you, or you could use the URI::Escape::uri_escape or CGI::escape_html functions on your own. In POST requests, the query string is the body of the HTTP document sent to the CGI script. We can use the LWP::Simple module to submit data in a GET request, but there is no corresponding LWP::Simple interface for POST requests. Instead, the HTTP::Request::Common module's POST function conveniently creates a properly formatted request with everything properly escaped. If you need to go through a proxy, construct your user agent and tell it to use a proxy this way: $ua->proxy(['http', 'ftp'] => 'http://proxy.myorg.com:8081'); That says that both HTTP and FTP requests through this user agent should be routed through the proxy on port 8081 at proxy.myorg.com

กลับขึ้นไปด้านบน

windows2000 multilanguage ต้อง set ยังไง

ให้ใช้ภาษาไทยได้สมบูรณ์ บางโปรแกรมที่มี เมนู ภาษาไทยขึ้นเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้

ความคิดเห็นที่ 1 วิธีเซ็ทภาษาไทยในW2K เข้า Regional Options นะครับ ใน Control Panel แล้วเลือกใน Language Setting For The System ให้ เป็น Thai แล้วเลือก set Default เลือกเป็น Thai จากนั้นก็เลือก Your locale ให้เป็น Thai นั้นก็ Apply นะครับมันก็จะถามหา File W2Kก็ใส่ cd ลงไปนะครับ http://darkman2001.cjb.net http://kickme.to/darkman2001 http://come.to/darkman2001 http://go.to/darkman2001 http://darkman2001.da.ru http://gozila2001.da.ru

กลับขึ้นไปด้านบน

win98 boot มาเป็น dos mode

ก่อน ทุกครั้งที่เปิดเครื่องหรือ restart ขอบคุณค่ะ ความคิดเห็นที่ 1 1. เปิดโปรแกรม notepad 2.เลือกคำสั่ง File > open 3.พิมพ์ c:\msdos.sys ลงในช่อง filename 4.เปลี่ยนเลข 1 หลังคำว่า BOOTUGI = 1 เป็น 0 5.save หมายเหตุ ห้ามแก้ไขเปลี่ยนแปลงในส่วนอื่น ๆโดยเด้ดขาด restart Good Luck ( *_* ) จากคุณ : hs0hec@hotmail.com - [10 ก.พ. 2543 13:49:07] ความคิดเห็นที่ 2 ก่อนจะแก้ไขไฟล์ C:\MSDOS.SYS ให้เปิด Windows Explorer ขึ้นมาก่อน คลิกขวาที่ไฟล์ MSDOS.SYS เลือก Properties เอาเครื่องหมายถูหน้า Hidden,System,Read Only ออกให้หมด คลิก OK แล้วค่อยทำตามข้างบน (ไม่งั้นจะเซฟไฟล์ไม่ได้ครับ

กลับขึ้นไปด้านบน

กลับไปหน้าแรก
MAIN
หน้าถัดไป